bfm56

ในบรรดาหนัง “เกมเอาตัวรอด” ที่มีพล็อตซ้ำๆ ….ต้องมีคนเห็นแก่ตัว มีคนซื่อๆ ตัวละครสูตรสำเร็จต่างๆ ซึ่งเรื่องนี้…ก็ยังมีอะไรงี้เยอะมากก็จริง บอกตรงๆว่าคนดูแนวนี้มาเยอะจะจับทางได้ เดาออกว่าใครจะตาย ใครจะเลว ใครชนะ ใครคือผู้ร้าย

แต่ที่เราชอบเรื่องนี้มากกว่าหนังพล็อตแบบเดียวกันที่มีหลายเรื่อง เพราะเราเห็นคุณค่าของมันที่โดดเด่นออกมามากๆ คือ “มันมีหัวใจ” มันเอาพล็อตแนว Survivor ตื่นเต้น มาใส่มิติตัวละคร ใส่ความเป็นมนุษย์ที่เป็นคนที่เราเจอจริงๆ ใส่ความรู้สึก (ซึ่งแน่นอนว่าเราคงไม่เจออะไรแบบนี้ใน Escape Room ทำนองนั้น)

ชอบที่เกมมันง่อยๆอย่างนี้แหละ เกมเด็กๆไม่ซับซ้อน ตัวละครทุกตัวคือโหลยโท่ยหมด เป็นพวกมีปัญหากับการใช้ชีวิต ไม่ได้เรื่อง แถมไม่มีใครเก่งเลย เป็นคนกากๆ ซึ่งทำให้หนังมีเสน่ห์มาก แม้รู้ว่าชะตากรรมพวกเขาจะเป็นไง ใครจะตายก่อน แต่ที่ดูต่อเพราะชอบความเป็นมนุษย์ของตัวละคร ที่ไม่เพอร์เฟค ผลกระทบทางจิตใจที่เปลี่ยนไป จากการเข้ารอบที่ลึกขึ้นเรื่อยๆ จนไปถึงหลังชนะ ที่ตัวละคร (ที่ชนะ) ไม่สามารถก้าวข้ามภาวะจิตตกได้ ซึ่งพอเราเป็นคนดูทั่วไป เราอาจจะคิดว่ามันโง่ เห็นแก่ตัว ที่แม่งไม่สมควรชนะเลย ทำไมไม่ใช้เงิน ไม่หาความสุขวะ ไม่เคลียร์ชีวิต อันนี้คนด่าเยอะมากในเน็ท

แต่….เราเข้าใจมันว่ะ เราเข้าใจชิบหาย ว่าเวลาเจอเรื่องที่จิตตกมากๆ มันเป็นยังไง ถึงมีทรัพยากร มีเงิน ก็จัดการความรู้สึกตัวเองไม่ได้ มันจะ Blank สัสๆ ซึ่งตรงพาร์ทนี้ EP สุดท้ายที่คนด่า เรากลับชอบมาก เพราะมันเรียลจริงๆ คนเรามันก็โง่ และติดหล่มแบบนี้แหละ เราชอบความเป็นมนุษย์ของตัวละครในเรื่องนี้จริงๆ

พอตัวละครมันไม่เก่ง ไม่เทพ ไม่มีตัวฉลาด มันเลยสนุกกับการปะทะทางอารมณ์และทางใจแทน ซึ่งถ้าหนังมันให้ตัวละครมันเก่ง เทพ แบบการ์ตูน ตัวละครแบบการ์ตูน เราคงจะเบื่อมากกกก และไม่ต่างอะไรกับงานแนวเก่าๆ ที่เคยออกมาก่อนแล้วเรื่องอื่นๆเลย (Alice เอย, As The God Will งี้)

สรุป : Squid Game เกมอาจจะเล่นง่าย กฎเกณฑ์การเอาชนะก็ดูบางๆ อาจไม่ถูกใจสายแอ็คชั่น หรือสายใช้สมองสู้ / แต่การนำเสนอเรื่องชีวิต และความหมายของชีวิต มันลึกและมี value มากๆ ไม่แปลกใจที่ซีรีส์นี้มันจะไปได้ไกลติดเทรนด์โลก เพราะมันมีคุณค่าทาง Emotional ให้เราได้ “มองตัวเอง” มากกว่าหนังแนวเอาชีวิตรอดจากเกม ในสายเดียวเรื่องอื่นๆ ที่เน้นแอ็คชั่นหรือความรุนแรงสนุกเข้าว่า แต่ขาดหัวจิตหัวใจ

คะเเนน : 10/10