เป็นภาพยนตร์ดราม่าแฟนตาซีระทึกขวัญที่ได้รับแรงบันดาลใจจากนวนิยายญี่ปุ่นเรื่อง เมื่อสวรรค์ให้รางวัลผม (Colorful) ของคุณเอโตะ โมริ โดยได้ทางคุณภาคภูมิ วงศ์ภูมิ นั่งแท่นผู้กำกับและเขียนบท ซึ่งคุณโอ๋นั้นถือว่าเป็นผู้กำกับที่มีผลงานสยองขวัญมากมายทั้ง ชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ , แฝด , สี่แพร่ง และห้าแพร่ง จึงทำให้เรามั่นใจได้เลยว่ามันต้องมีความสยองขวัญที่ซ่อนอยู่อย่างแน่นอน…..
เรื่องย่อ : หนังเล่าถึงวิญญาณที่ได้กลับมามีชีวิตอีกครั้งในร่างของเด็กหนุ่มชั้น ม.ปลาย และต้องสืบหาสาเหตุการตายของร่างตัวเองภายใน 100 วัน ถ้าทำไม่สำเร็จเขาต้องตายอย่างถาวร แต่ถ้าทำสำเร็จเขาจะกลับมามีขีวิตอย่างเต็มตัว
นำแสดงโดย : ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ , เฌอปราง อารีย์กุล , ศรุดา เกียรติวราวุธ , สู่ขวัญ บูลกุล , โรจ ควันธรรม , ณัฐสิทธิ์ โกฏิมนัสวนิชย์ , ธเนศ วรากุลนุเคราะห์ และเฌอมาลย์ บุญยศักดิ์
“มึงได้รางวัลนะ”
หนังเปิดเรื่องมาพร้อมคำนี้ กับชายที่ตื้นขึ้นมาในห้องดับจิตท่ามกลางศพผู้คนมากมาย แถมยังเกิดเรื่องแปลกประหลาดจนต้องร้องว้าวนึกว่า Inception และการอธิบายกฎกติกาต่างๆของรางวัลว่าต้องทำเช่นไรจึงจะได้รางวัลใหญ่… ถือเป็นการเปิดเรื่องได้เจ๋งและน่าติดตามที่สุดของวงการภาพยนตร์ไทยเลยทีเดียว เพราะแบบนี้มันถือว่าแวกมากในบ้านเรา ปกติหนังของจีดีเอชส่วนมากจะเป็นหนังรักพร้อมกับตอนจบจะทิ้งเราไว้กลางทางเสมอ แต่เรื่องนี้ไม่เลย… มันแหกขนบธรรมเนียมอยู่พอตัว…
อย่างแรกเรื่องบทภาพยนตร์ถือว่าทำออกได้ดีน่าติดตามและไม่เพ้อฝันเท่าที่ควร การดำเนินเรื่องต่างๆมันดูมีชั้นเชิงแถมยังแอบหลอนในหลายจังหวะ ถ้ามีผีโผล่ออกมากหรือมีจั้มสแกจะไม่รู้สึกแปลกใจเลยสักนิด เพราะบรรยากาศมันปูมาเต็มที่กับมุมกล้องที่พร้อมจะหลอกเราได้ทุกเมื่อ
ด้านนักแสดง : ต้องชมพี่เจมส์ ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ ในบทบาทของมิน ที่พี่เขาเหมือนกับแบกหนังไว้ทั้งเรื่อง กับอีกคนที่ชอบคือแม่ของมิน ที่พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อให้ลูกมีความสุข…. ส่วนพี่เฌอปราง ขอบอกก่อนว่าผมไม่ได้เป็นโอตะหรือไม่ได้แอนตี้นะ คือพี่เขาก็แสดงได้ดีในระดับหนึ่ง แต่ติดตรงฉากดราม่าที่หนังพยายามให้มันสะเทือนใจคนดูกับการร้องไห้ของเณอ ผมไม่อินตรงนี้เลยสักนิด ถ้าเป็นชีวิตจะตบสั่งสอนอีกต่างหาก ไม่ได้รู้สึกสงสารอะไรเลยเพราะคุณทำตัวคุณเอง แต่กลับสมเพชด้วยซ้ำ…..
หนังจะถามเราตลอดว่าไอ้มินมันฆ่าตัวตายเพราะใคร มันจึงทำให้ผมเดาได้ตั้งแต่เนินๆ ว่าการที่เราจะฆ่าตัวตายมันต้องเป็นเพราะใคร ? แต่ประเด็นหลักๆที่หนังพยายามจะสื่อจริงๆ น่าจะเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาครอบครัวและปัญหาสังคมในวัยรุ่นต่างๆ และสิ่งที่สำคัญคือการที่คนเรามักมองโลกกันแคบแสนแคบ มัวไปมองกันแต่มุมที่มันแย่ๆจนทำให้เรามองไม่เห็นความดีของคนๆนั้น ถ้าเราลองเปิดตาให้กว้าง เปิดโลกให้ไกลขึ้น มองให้เห็นถึงอีกมุมที่เรามองข้ามไป ผมเชื่อว่าคุณอาจจะเห็นอะไรดีๆอีกมากมาย…..